มะม่วง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Mangifera Indica) เป็นไม้ยืนต้นในสกุล Mangifera ซึ่งเป็นไม้ผลเมืองร้อนในวงศ์ Anacardiaceae (กลุ่มเดียวกับถั่วพิสตาชีโอและมะม่วงหิมพานต์) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย เพราะการที่ภูมิภาคนั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมและร่องรอยฟอสซิลที่หลากหลาย นับย้อนไปได้ถึง 25-30 ล้านปีก่อน[2] มะม่วงมีความแตกต่างประมาณ 49 สายพันธุ์กระจายอยู่ตามประเทศในเขตร้อนตั้งแต่อินเดียไปจนถึงฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงแพร่หลายไปทั่วโลก เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ใบโต ยาว ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ใบอ่อนสีแดง ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีขาว ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีเหลือง เมล็ดแบน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง
1. รับประทานมะม่วงก็ช่วยทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวาได้เหมือนกัน
2. มะม่วงมีวิตามินซีสูง
จึงช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
3. มะม่วงมีวิตามินเอ
วิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
4. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเอและเบตาแคโรทีน
5. เป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย
6. ช่วยทำให้ผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น
7. ช่วยทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ
ปรับสมดุลภายใน
8. ผลมะม่วงดิบมีวิตามินซีสูง
จึงช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
9. ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งต่าง
ๆ
10. มีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้
รวมไปถึงต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือด โรคมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
11. ช่วยเยียวยาและรักษาโรคเบาหวาน
ด้วยการใช้ใบมะม่วงประมาณ 15 ใบ นำมาล้างให้สะอาด
แล้วนำมาต้มในน้ำสะอาด 1 ถ้วย โดยใช้ไฟอ่อน ๆ นาน 1 ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งก็เติมเรื่อย ๆ เมื่อเสร็จแล้วนำมาตั้งทิ้งค้างคืนไว้ 1
คืน พอเช้าก็นำมากรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน
12. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
คลื่นไส้อาเจียน ด้วยการรับประทานผลสดแก่
13. ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ
ด้วยการรับประทานผลสดแก่
14. ช่วยแก้อาการร้อนใน
ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
15. ช่วยแก้โรคคอตีบ
ด้วยการใช้เปลือกของลำต้นมะม่วงมาต้มรับประทาน
16. แก้ซางตานขโมยในเด็ก
ด้วยการใช้ใบมะม่วงพอประมาณนำมาต้มรับประทาน
17. ช่วยรักษาอาการเยื่อปากอักเสบ
จมูกอักเสบ ด้วยการใช้เปลือกของลำต้นมะม่วงมาต้มรับประทาน
18. เปลือกมะม่วงของผลดิบ
นำมาคั่วรับประทานร่วมกับน้ำตาล
ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนและอาการปวดเมื่อยช่วงมีประจำเดือน
19. เปลือกต้นมะม่วง
นำมาต้มเอาน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้ตัวร้อน
20. ไฟเบอร์จากมะม่วงเป็นตัวช่วยสำหรับการย่อยอาหารและเผาผลาญพลังงาน
21. แก้อาการท้องอืด
ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม
หรือใช้เมล็ดของมะม่วงสุกมาตากแห้งแล้วต้มเอาน้ำดื่ม
หรือจะบดให้เป็นผงก็ได้แล้วนำมารับประทาน
22. ช่วยแก้อาการบิด
ถ่ายเป็นเลือด ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
23. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร
ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
24. แก้อาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง
ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม
25. มีส่วนช่วยในการขับถ่าย
มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ด้วยการรับประทานมะม่วงสุก
26. ช่วยขับปัสสาวะ
ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
27. ช่วยขับพยาธิ
ด้วยการใช้เมล็ดของมะม่วงสุกมาตากแห้งแล้วต้มเอาน้ำดื่ม
หรือจะบดให้เป็นผงก็ได้แล้วนำมารับประทาน
28. น้ำต้มกับใบมะม่วงสดประมาณ
15 กรัม ใช้ล้างบาดแผลภายนอกได้
29. ใช้เป็นยาสมานแผลสด
ด้วยการใช้ใบมะม่วงสดล้างให้สะอาดแล้วนำมาตำและพอกบริเวณที่เป็นแผล
30. เนื้อไม้ของต้นมะม่วง
สามารถนำมาใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้
31. ใช้ประกอบอาหารหรือใช้รับประทานเป็นของว่างได้หลากหลาย
เช่น ทำน้ำพริก ยำมะม่วง ต้มยำ เมี่ยงส้ม หรือการทำเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน
คั้นเป็นน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน
32. นำมาแปรรูปเป็นมะม่วงกวน
มะม่วงแก้ว มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงเค็ม น้ำแยมมะม่วง พายมะม่วง เป็นต้น
33. ใบแก่ของมะม่วงใช้เป็นสีย้อมผ้าให้เป็นสีเหลือง
34. ทรีตเมนต์บำรุงผิวหน้าด้วยการใช้มะม่วงสุกมาฝานเป็นชิ้นบาง
ๆ จากนั้นใช้ช้อนบดขยี้เนื้อมะม่วงให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15
นาทีแล้วล้างออก จะทำให้ผิวหน้าดูสะอาดเกลี้ยงเกลา รูขุมขนดูกระชับ
ผิวเรียบเนียนไร้รอยเหี่ยวย่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น